AUTHOR
ตากล้อง, นักเขียน, นักชิมเหล้า และคนหน้าตาดีที่ใจ เ ก เ ร กระโดดข้ามสายงานยิ่งกว่ามาริโอ้.... แต่ผมอยากเป็นเศรษฐีมากเลยฮะมุง
เมื่อพูดถึงเกมในจักรวาลของ SCP แล้ว ส่วนมากเรามักจะเจอในรูปแบบของเกมสยองขวัญซะมากกว่า โดยอิงจากเรื่องราวของวัตถุ SCP บางรหัส ที่อยู่ในรูปของสิ่งมีชีวิตที่อันตรายและคาดเดาได้ยาก และการยกเหตุการณ์เมื่อวัตถุเหล่านี้หลุดจากการควบคุม มีน้อยมากที่เกมจากแฟรนไชส์นี้จะทำในรูปแบบ FPS และ Action จ๋า ๆ แบบเกมสมัยนิยม ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องราวของ SCP หน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่เก็บกู้วัตถุอันตรายเหล่านี้ก็มีบทบาทสำคัญในจักรวาลด้วย
และเกม SCP แนว FPS ที่ดูเตะตาที่สุดในช่วงนี้ ถ้าไม่นับ SCP: Keter ที่กำลังจะมาในเดือนตุลาคมปีนี้ ก็คงต้องเป็น SCP: Pandemic ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทเป็นหน่วยรบพิเศษทำภารกิจในพื้นที่อันตราย ที่เต็มไปด้วยหน่วยรบของศัตรู และวัตถุอันตรายที่หลุดรอดออกมา
ตัวเกมที่นำมารีวิว เป็นเวอร์ชัน Early Access v0.10.1.9
SCP: Pandemic เกม Tactical FPS แนวสยองขวัญ พัฒนาโดย Affray Studios เป็นโปรเจกต์ระดมทุนจาก Kickstarter.com ตัวเกมนำเสนอเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเนื้อเรื่องของ ”SCP-5000” ที่แต่งโดย Tanhony ในรูปแบบของ Tactocal Shooter ที่เน้นเกมเพลย์เชิงยุทธวิธี และระบบอาวุธที่สมจริง พร้อมการเล่นแบบ Co-op เป็นหลัก
ตามเส้นเรื่องหลักของเกม ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นสมาชิกหน่วย Anti-Foundation Alliance (AFA) ที่ได้รับภารกิจต่อต้านการใช้คำสั่ง The Omnicide ของสถาบัน SCP ที่เป็นการทำลายล้างพันธุ์มนุษย์ หลังจากค้นพบสิ่งอันตรายที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์
ระบบการเล่นของเกมจะเน้นในเรื่องของยุทธวิธีที่สมจริงและการทำงานเป็นทีมของผู้เล่น แม้ว่าตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เล่นแบบคนเดียวได้ก็ตาม การควบคุมของเกมมีความซับซ้อนไม่มากจนเกินไป ทำให้ผู้เล่นใช้เวลาในการเรียนรู้ระบบได้มายากนัก ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องแนะนำเยอะเท่าไหร่ เพราะไฮไลท์หลักของเกมจริง ๆ มันอยู่ที่ระบบ Guns Play, การแต่งอาวุธ และวิธีการดำเนินภารกิจมากกว่า
ในระบบ Guns Play จะเน้นความสมจริงทางยุทธวิธีสูง ผู้เล่นหนึ่งคนจะมีกระสุนสำหรับอาวุธที่จำกัด และต้องบริหารกระสุนแบบนัดต่อนัด แม็กกาซีนต่อแม็กกาซีน เพราะเวลาที่ผู้เล่นเปลี่ยนแม็กกาซีนใหม่ แม็กฯ จะไม่มีการนำกระสุนไปทบรวมกับแม็กใหม่ ๆ เหมือนเกมอื่น FPS อื่น ๆ นอกจากระบบบริหารกระสุนแบบสมจริงแล้ว จำนวนกระสุนที่ให้มาก็มีจำกัดมาก ๆ และยิ่งไปกว่านั้น… ผู้เล่นต้อง Reload กระสุนเอง
ส่วนของการปรับแต่งอาวุธ ผู้เล่นสามารถที่จะนำอาวุธที่มี มาติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่างไฟฉาย, เลเซอร์, กล้องเล็ง, กริปหน้า และที่เก็บเสียง ช่วยเพิ่มขีดจำกัดและปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของอาวุธตามการใช้งาน แต่อุปกรณ์เสริมที่ให้มานั้นอาจจะยังไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่นัก โดยการแต่งอาวุธนี้ สามารถทำได้ตั้งแต่ต้นเกมในโหมด Hunt: Sweden และโหมดทดสอบต่าง ๆ ส่วนใน Raid on Area 12 นั้นคือต้องหากันในเกมแบบตามมีตามเกิดแทน
มาทางตัวเกมที่มีมาให้ ตัวเกมจะมีให้เลือกเล่นหลัก ๆ ด้วยกันทั้งหมด 3 โหมด โดยจะมีทั้งหมดดังนี้
Raid on Area 12 – รับบทเป็น Anti-Foundation Alliance (AFA) บุกและทำลาย Area 12 สถานที่พัฒนาโปรแกรมชีวภาพ Psi-Z ที่สร้างขึ้นเพื่อโจมตีศูนย์รวมพลเรือนในตอนกลางของสหรัฐ และเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้
Hunt: Sweden – สวมบทเป็นหน่วย AFA ในภารกิจโจมตีสถานที่ของสถาบัน SCP ในตอนใต้ของสวีเดน ทำลายทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยับยั้งคำสั่ง The Omnicide และเอาตัวรอดจากกองกำลังที่จะออกตามล่าผู้เล่นในฉาก
Wave Survival – ตั้งรับการโจมตีของศัตรูเป็นรอบ ๆ พร้อมเพิ่มความยากขึ้นไปในทุก ๆ รอบ (ในเกมเขียนว่า Serival คาดว่าทีมผู้สร้างเขียนตก)
ส่วนที่เหลืออย่าง PVP Testing, Weapons Testing และ AI Testing เป็นโหมดไว้ทดสอบระบบต่าง ๆ ในเกม ก็ไม่ใช่ส่วนที่ต้องอธิบายเยอะมากนัก
ในโหมด Hunt: Sweden และ Raid on Area 12 นั้น เป็นอะไรที่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันออกไปทางตายตัวหมด ทำให้การเล่นดูซ้ำซาก ไม่เหมาะกับการเล่นแนว Co-op กับเพื่อน ที่ยังไง ๆ ก็ต้องมีการวนมาเล่นซ้ำแน่ ๆ
ระบบ Puzzle ตัวเกมจะบังคับใกล้ผู้เล่นเข้าไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เพื่อหารหัสผ่าน และดำเนินภารกิจต่อไป ซึ่งตรงนี้ยังดีที่รหัสผ่านมีการสุ่มใหม่ไม่ให้ซ้ำกัน แต่ในปริศนาบางอย่างก็อาจต้องแก้ด้วยกำลัง อย่างการยิงกล่องไฟเพื่อเปิดประตูด้วย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับไหวพริบและช่างสำรวจของผู้เล่นเองแล้ว
ใน SCP: Pandemic ผู้เล่นจะได้กับศัตรู 2 ประเภทหลัก ๆ คือซอมบี้ที่เคยเห็นเจ้าหน้าที่ในสถาบัน กับกองกำลังติดอาวุธที่เดินเพ่นพ่านไปมา และพร้อมที่จะยิงใส่ทันทีที่เห็น ที่สำคัญเลยคือศัตรูทั้งสองแบบนี้ไม่เคยมาเดี่ยว ๆ ถ้าเจอว่ามันอยู่ที่ไหนสักตัว ใกล้ ๆ กันต้องมีอีกอย่างแน่นอน
นอกจากพวกซอมบี้กับหน่วยรบแล้ว ในเกมยังมีเจ้า SCP-173 รูปปั้นมรณะจอมหักคอใครก็ตามที่ไม่ได้จ้องมันไว้ จากการที่ได้กดเรียก SCP-173 ในโหมด AI Testing นั้น ถือว่าเป็น SCP ที่โหดเกินเบอร์ไปมาก แต่โชคดีที่ว่าในเกมเวอร์ชันนี้เท่าที่ผู้เล่นลองเล่นมา ยังไม่พบ SCP ตัวนี้เลย ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดี (สำหรับสายเล่นคนเดียวแบบผู้เขียน)
เมื่อพูดถึงความยากของ AI ศัตรู ต้องบอกว่ามาเดี่ยว ๆ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้ามาเป็นฝูงคือต้องนับลูกไว้ก่อนเลยว่าพอยิงทันรึเปล่า เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปใน ระบบ Gunplay ของเกมนี้ ผู้เล่นต้อง Reload เอง ดังนั้นถ้าลูกหมดกลางคัน มีสิทธิ์จบเห่เอาง่าย ๆ ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของผู้เล่น ที่จะต้องบริหารกระสุนเอาเอง
สำหรับ SCP: Pandemic นั้น เป็นเกมที่ถูกสร้างด้วย Unreal Engine 4 (4.27) ครอบด้วย AffrayCore ที่เป็นระบบอีกชั้นที่ Affray Studios ผู้พัฒนาตัวเกมสร้างขึ้นเพื่อใช้คู่กับเอนจิ้นหลักอีกที เดิมที SCP: Pandemic จะใช้เทคโลยีของเกม Squad จาก Offworld Industries และได้ใบอนุญาตจากผู้พัฒนามา จนกระทั่งปี 2021 Affray Studios ได้ตัดสินใจสร้างระบบของตัวเองขึ้นมาจนมาเป็นเอนจิ้นที่ใช้ในเกมนี้
ทางด้านกราฟิกนั้นต้องบอกว่าทำออกมาได้อย่างสวยงามและมีรายละเอียดสูง ส่วนสว่างและมืดชัดเจน บรรยากาศถูกออกแบบมาได้ดูน่ากลัวและอึดอัดพอสมควร โมเดลอาวุธและตัวละครทำออกมาได้ดีมาก ๆ ในด้านรายละเอียด แม้ในบางจุดที่ปรับแต่งมายังไม่ดีนัก อย่างใบไม้บนต้นไม้เป็นต้น
แต่ถ้าจุดบกพร่องของกราฟิกที่ดูจะซีเรียสขึ้นมาหน่อย ก็ตอนที่เกมปรับคุณภาพของเงาเป็นปานกลาง เมื่อเข้าไปในหน้าแต่งอาวุธ โมเดลจะทิ้งรอยของตัวเองไว้ในขณะที่ทำการหมุนดูอาวุธ นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของ Bug ในตัวเกมเพลย์อย่างโมเดลปืนลูกโม่ ที่ผู้เล่นทำการคัดปลอกกระสุนเก่าทิ้ง แทนที่ลูกโม่ควรจะว่างเปล่า กลับยังมีกระสุนค้างอยู่แบบครบ ๆ และตัวแผนที่ตอนเข้าเกมโหลดช้ากว่าที่ควรจะเป็น
ในด้านของระบบเสียง ตัวเกมได้ชูระบบความสมจริง ที่ระดับเสียงจะลดหลั่นไปตามชั้นของกำแพง เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดูดีอีกจุดเลยก็ว่าได้ แต่ในบางจุดของเกมนั้นเสียงมันทะลุกำแพงออกมาทำเอารู้สึกรำคาญหูขึ้นมาเหมือนกัน
ด้วยความที่ตัวเกมเวอร์ชันที่วางขายในตอนนี้ยังเป็นตัว Early Access v0.10.1.9 ซึ่งเป็นเกมขั้น Alpha จึงไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจเลย เมื่อดูจากข้อผิดพลาดในตัวเกมที่น่าจะหนักกว่า Early Access ตัวอื่น ๆ ที่เคยจับมา จะเรียกว่าปล่อยขาย Early Access ไวเกินไปก็ว่าได้ เพราะตัวเกมยังดูดิบเกินไป และผ่านการปรับแต่งมาไม่มากพอ ถ้าลองปรับปรุงเรื่อย ๆ จนเข้าช่วง Beta น่าจะสร้างความประทับใจแรกพบได้ดีกว่านี้
แต่ตรงนี้ต้องชื่นชมในการออกแบบตัวเกมที่เน้นความสมจริงและรายละเอียดที่สูง ทั้งในตัวโมงเดลตัวละคร, ปืนที่ปรับแต่งได้หลากหลาย, ปริศนาในเกมที่ไม่ยากและไม่ง่ายจนเกินไป สำหรับเกม Co-op ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยเกมเพลย์มากกว่าเนื้อเรื่อง การเพิ่มฟีเจอร์ให้ตัวเกมมีคุณค่าในการเล่นซ้ำเพิ่มขึ้น แต่ในเกมนี้ไม่ว่าจะเล่นกี่รอบ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทำให้ความท้าทายของตัวเกมไปตกอยู่ที่ Gunplay และศัตรูที่ตบได้หนักกว่าแม่ที่บ้านแทน
ถ้าจะให้ตัวเกมมีความยอดเยี่ยมมากกว่านี้ อาจจะต้องรอให้ตัวเกมบ่มเพาะและขัดเกลาระบบโดยรวมของเกมให้ดีกว่านี้อีกหน่อย จากที่จับ ๆ มาตัวเกมยังน่าจะทำอะไรกับมันได้มากกว่านี้ ถ้าขัดเกลาออกมาจนอยู่ในระดับที่รับได้ การปล่อยขาย Early Access ช้าจะไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าตัวเกมมันดีจริง ๆ ซึ่งอาจจะต้องรอกาแก้ไขในอัปเดตหน้า ไม่ก็มองข้ามเกมนี้ไปลอง SCP: Keter ที่กำลังจะปล่อยขายตุลาคมนี้ดีกว่า
จัดเลย
ดูก่อน